พร้อมรึยังที่จะยิ้มและร้องไห้ไปกับผู้ชายชื่อ ‘เรียว นิชิกิโดะ’ อีกครั้งหลัง ‘1 Litre of Tears’ กับภ.ซาบซึ้งตรึงใจ ‘Dakishimetai’ 22 พ.ค นี้ ที่ Screen Red By HBO (by JPopTHeSeries)

ใครยังจดจำภาพความรักอันบริสุทธิ์ภายใต้รอยยิ้มอันสดใสของผู้ชายที่ชื่อ เรียว นิชิกิโดะ จากดราม่าซีรี่ย์ญี่ปุ่นที่ตราตรึงใจคนทั้งโลก ‘1 Litre of Tears (บันทึกน้ำตา 1 ลิตร)’ วันนี้ ภาพหัวใจรักอันบริสุทธิ์ แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังดี และ รอยยิ้มละมุนละลายใจ สไตล์ ‘เรียว นิชิกิโดะ’ กำลังจะกลับมาสร้างความประทับใจพร้อมเรียกน้ำตาคุณให้ไหลเอ่อไปกับเรื่องราวความรักอันแสนบริสุทธิ์ไร้สิ่งใดเจือปนของบุคคล 2 คนที่โชคชะตานำพาพวกเขาให้มาเจอกัน รักกัน และพรากจากกันอย่างไม่มีวันหวนกลับ ในภาพยนตร์ญี่ปุ่นน้ำดี ‘Dakishimetai: – Shinjitsu no Monogatari – (I Just Wanna Hug You)’

“Dakishimetai – Shinjitsu no Monogatari -“ เป็นภาพยนตร์ผลงานการกำกับของ ชิโอตะ อากิฮิโกะ (Shiota Akihiko) ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักจากชีวิตจริงของหญิงสาวหัวใจแกร่งผู้หนึ่งซึ่งมีความผิดปกติทางร่างกาย โดยเธอสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกายซีกซ้ายอันเป็นผลกระทบจากการประสบอุบัติเหตุทางรถเมื่อสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ทำให้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่บนรถเข็น (wheelchair) แถมยังต้องทนทุกข์กับภาวะความทรงจำบกพร่อง ที่ไม่สามารถจดจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วหรือบุคคลที่เคยพบได้หากไม่จดบันทึกเอาไว้ก่อน แต่ในที่สุดโชคชะตาก็นำพาเธอให้ได้พบกับชายหนุ่มคนขับแท็กซี่ที่พร้อมมอบความรักให้กับเธอไปตลอดชีวิต

ซึกาสะ (รับบทโดย คิตางาว่า เคย์โกะ) หญิงสาวที่ร่าเริงและมีความสามารถโดดเด่นด้านกีฬา ต้องกลายมาเป็นคนอัมพาตนั่งรถเข็นหลังจากที่ร่างกายด้านซ้ายของเธอไม่สามารถทำงานได้ตามปกติอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อหลายปีก่อน ไม่เพียงเท่านั้น เธอยังต้องทนทุกข์กับภาวะความทรงจำบกพร่องอันเป็นผลพวงมาจากอุบัติเหตุคราวนั้นด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดี ซึกาสะ ยังคงใช้ชีวิตอย่างปกติสุขและมองโลกในด้านบวกอยู่เสมอ

วันหนึ่ง โชคชะตาได้พา ซึกาสะ มาพบกับชายหนุ่มคนขับแท็กซี่ผู้มีรอยยิ้มทรงเสน่ห์ชื่อว่า มาซากิ (รับบทโดย เรียว นิชิกิโดะ) ณ สนามบาสเกตบอลที่ ซึกาสะ และเพื่อนๆ ผู้มีความผิดปกติชอบมาเล่นกีฬาบ็อคเซีย (กีฬาสำหรับผู้พิการชนิดหนึ่งลักษณะคล้ายเปตอง) มาซากิ ตกหลุมรักในความร่าเริงสดใสของ ซึกาสะ และอาสาขับรถพาเธอไปส่งเป็นประจำหลังเล่นกีฬาเสร็จอีกทั้งยังอยู่เป็นเพื่อนทานอาหารเย็นกับเธอบ่อยๆ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ จน มาซากิ เริ่มสงสัยในความรู้สึกของตัวเองมีต่อ ซึกาสะ ว่าเป็นความรักจริงๆ หรือเป็นอย่างอื่นกันแน่และตัดสินใจบอกเลิกแฟนสาวที่เขากำลังคบอยู่ในขณะนั้นเพื่อทุ่มเทเวลาที่มีให้กับ ซึกาสะ เพียงคนเดียว หลังได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทและเพื่อนคนขับแท็กซี่ด้วยกัน ในที่สุด มาซากิ ก็แน่ใจในความรักที่มีต่อ ซึกาสะ และอยากใช้ชีวิตร่วมกับเธอไปตลอดไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรรออยู่ก็ตาม

ด้าน ซึกาสะ แม้เธอจะไม่สามารถขยับร่างกายได้ตามต้องการและมีความกลัวว่าอาจจะลืมแม้กระทั่งคนที่เธอรัก แต่เธอก็พยายามฝ่าฝันอุปสรรคต่างๆ มากมายเพื่อให้ได้ใช้ชีวิตอยู่กับ มาซากิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาจากคนในครอบครัวของเธอเองซึ่งก็คือคุณแม่ที่ยังไม่เชื่อใจในตัวของ มาซากิ อีกทั้งยังเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของ ซึกาสะ ด้านพ่อแม่ของ มาซากิ เองก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ทั้งคู่จะคบหาหรือกระทั่งเข้าพิธีวิวาห์กัน ทว่าความรักอันแท้จริงจากหัวใจของ มาซากิ ที่ทุ่มเทดูแล ซึกาสะ อย่างเต็มที่ ทั้งแบกเธอไว้บนหลังหรือแม้กระทั่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน การหวงแหนช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันแม้เพียงเล็กน้อย ทำให้ทั้งพ่อและแม่ของ มาซากิ รวมถึงแม่ของ ซึกาสะ เริ่มมีท่าทีอ่อนลง โดยเฉพาะหลังได้รู้ว่า ซึกาสะ กำลังตั้งท้องลูกของ มาซากิ ในที่สุดทั้งครอบครัวและเพื่อนๆ ก็ยอมรับในความรักของพวกเขาและถึงคราวที่จะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันหลังแต่งงาน เรื่องราวที่ดูเหมือนว่าจะลงเอยด้วยดี แต่หารู้ไม่ว่าโชคชะตาอันน่าเศร้ากำลังรอคอยพวกเขาอยู่…

เรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นในชีวิตจริงๆ ของชายหญิงคู่หนึ่งในเมืองอะบะชิริ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น และเคยถูกนำมาสร้างเป็นสารคดีทางสถานีโทรทัศน์ TBS ไปแล้วเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2011

“Dakishimetai – Shinjitsu no Monogatari -“ เป็นภาพยนตร์ที่อบอวลไปด้วยภาพและเรื่องราวอันแสนงดงามและน่าประทับใจ แม้จะมีความขมขื่นเจือปนอยู่บ้างในเนื้อหา ทว่าเป้าหมายสำคัญที่ผู้สร้างต้องการสะท้อนให้ผู้ชมได้เห็นคือการมองโลกในแง่ดีแม้ว่าจะมีสถานการณ์เลวร้ายอยู่รอบตัว Dakishimetai ตั้งใจสื่อให้ทุกคนเห็นว่า ‘ท่ามกลางความมืดมนของปัญหา ยังคงมีแสงสว่างเจิดจ้าอยู่เสมอ’

นี่จึงเป็นผลงานชั้นดีที่ทางช่อง Screen Red By HBO โดย True Visions ภูมิใจนำเสนอสู่จอทีวีบ้านคุณในค่ำคืนวันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคมนี้กับช่วง Stay Home Fridays เวลา 21.00 น. ประเทศไทย (เป็นเวลา 22.00 น. สำหรับในประเทศฟิลิปปินส์และมาเลเซีย)