เป็นคอนเสิร์ตที่ชาวเจร็อคในเมืองไทยเฝ้ารอคอยมายาวนานกว่า 10 ปี กับ “โออิชิ ชาคูลล์ซ่า พรีเซ้นท์ส เอ็กซ์ เจแปน 2011 เวิลด์ ทัวร์ อิน แบ็งคอค” (Oishi Chakulza Presents X Japan 2011 World Tour in Bangkok) โดยสุดยอดตำนานวงร็อคจากเกาะญี่ปุ่น เอ็กซ์ เจแปน สามารถต้านทานแรงดันน้ำฝ่าฝันจนเนรมิตให้เกิดขึ้นได้จริงบนผืนแผ่นดินไทยเป็นครั้งแรก ไปแล้วเมื่อคืนวานนี้ (8 พฤศจิกายน 2554) ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานีท่ามกลางเหล่าสาวกเอ็กซ์ เจแปน ทั้งหญิงชาย ที่ไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจารึกประวัติศาสตร์ร่วมกันในครั้งนี้กันอย่างเนืองแน่นเต็มความจุของสถานที่จัดคอนเสิร์ตเลยทีเดียว …

ตามเวลานัดหมาย 20.30 น. สาวกชาวเอ็กซ์ พร้อมอุปกรณ์เชียร์ที่เป็นสัญลักษณ์อย่างแท่งไฟคู่ สำหรับทำกากบาทรูปตัว X ก็มาพร้อมกัน ณ ที่นั่งของตัวเอง บ้างก็ใส่เสื้อที่ระลึกหน้าคอนเสิร์ตที่เป็นรูปสัญลักษณ์ของวง (รูปกากบาท X สีแดง) และสัญลักษณ์มังกรสีขาวพันกับกากบาท X ซึ่งเป็นแบบประจำเวิลด์ทัวร์คอนเสิร์ตในครั้งนี้ บ้างก็แต่งตัวสไตล์คอสเพลย์ ที่สามารถสร้างสีสันให้กับงานได้อย่างดีเยี่ยม และไม่นานนัก ไฟของฮอลล์ก็ดับลง พร้อมกับซาวด์เปิดตัวคอนเสิร์ตและการเล่นไลติ้งที่สุดยอดสมกับเป็นคอนเสิร์ตร็อคระดับตำนานที่ทุกคนรอคอย ทำให้ผู้ชมทุกคนต้องลุกขึ้นยืน พร้อมทำสัญลักษณ์กากบาท X และส่งเสียงเรียกศิลปินที่เขารอคอยมาอย่างยาวนานให้ปรากฏตัวออกมาตรงหน้า และทันทีที่อารมณ์ของเพลงขึ้นถึงขีดสุด ไฟส่วนของเวทีทั้งหมด ก็สาดไปที่ร่างของโยชิกิ (Yoshiki) ในชุดคลุมยาวสีขาว ที่ยืนขึ้นบนแท่นกลองอย่างสง่างามพร้อมกับยกมือไหว้ หลังจากนั้นความมันส์ก็ได้เริ่มต้นขึ้นด้วยเพลง เจด (Jade) กับเสียงกลองที่หนักแน่นและเปียโนที่ไพเราะของ โยชิกิ (Yoshiki) พลังเสียงที่สุดยอดหาใครเทียบได้ของ โทชิ (Toshi) กีตาร์อันทรงพลังของ พาตะ (Pata) กับ สุงิโซะ (Sugizo) และเบสที่สุขุมเยือกเย็นของ ฮีท (Heath) ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนทุกคนต้องลุกขึ้นมากระโดดกันอย่างบ้าคลั่ง จุดชนวนความร็อคต่อเนื่องด้วย รัสตี้ เนล (Rusty Nail) และ ไซเลนท์ เจียลัสซี (Silent Jealousy) ก่อนจะเข้าสู่ช่วงการโซโล่ของพาตะ (Pata) ที่มาพร้อมกับเสียงกีตาร์ที่สะกดทุกคนให้หยุดความเคลื่อนไหวทุกสิ่ง และส่งต่อให้กับฮีท (Heath) เพื่อรับช่วงการเร้าอารมณ์ของผู้ชมด้วยโซโล่เบสคู่ใจ หลังจากนั้น โทชิ (Toshi) ก็กลับมาพร้อมกับเพลง เดรน (Drain) ที่เพลงนี้ถึงจะไม่มีโยชิกิ (Yoshiki) เข้ามาร่วมแจม แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผลงานนั้นลดระดับลงไปแม้แต่น้อย

เข้าสู่ช่วงที่ 2 เริ่มต้นด้วยไฟเวทีสาดส่องไปที่ไวโอลินแก้วในมือของสุงิโซะ (Sugizo) ที่ย้ายจากที่ประจำของตนขึ้นไปยังแท่นเปียโนของโยชิกิ (Yoshiki) และบรรเลงโซโล่ไวโอลิน ที่ทั้งหนักแน่น ดุดัน และซาบซึ้ง ก่อนที่โยชิกิ (Yoshiki) จะกลับเข้ามาในชุดคลุมสีแดงที่เปียโนแก้ว เพื่อร่วมฟีจเจอริ่งกับสุงิโซะ (Sugizo) ก่อนที่ทั้งสุงิโซะ (Sugizo) และโยชิกิ (Yoshiki) จะกลับไปยังเครื่องดนตรีประจำกาย และขึ้นเพลง คุเรไน่ (Kurenai) ให้กับเหล่าสาวกได้ฟังกัน ซึ่งหลังจากช่วงนี้ โทชิ (Toshi) ก็ได้กล่าวทักทายกับแฟนๆ เป็นภาษาไทยว่า “สวัสดีครับ”, “สนุกมั้ย” และนำเข้าสู่เพลงใหม่ของพวกเขาที่จะร้องต่อให้ฟัง นั่นคือ บอร์น ทู บี ฟรี (Born To Be Free) ที่แม้จะเป็นเพลงใหม่ แต่เหล่าสาวกแฟนพันธ์แท้ก็ยังคงร้องตามกันได้จนจบเพลง ต่อจากนี้ ก็ถึงคิวของหัวหน้าวงโยชิกิ (Yoshiki) ที่จะนำเข้าสู่ช่วงการโซโล่กลองสลับกับเปียโน ที่ผสมผสานความหนักแน่นของเสียงกลอง และเสียงเปียโนอันไพเราะได้อย่างลงตัว ก่อนจะทำเซอร์ไพรส์ด้วยการบรรเลงเปียโนเพลง “เดือนเพ็ญ” ที่ทำให้ผู้ชมทุกคนส่งเสียงกรีดร้องกับเซอร์ไพรส์นี้ของโยชิกิ (Yoshiki) กันถ้วนหน้า และในช่วงนี้เอง ที่เป็นครั้งแรกที่ทุกคนได้ยินเสียงของหัวหน้าวง กล่าวถ้อยคำกับผู้ชมทุกคนว่า “เขาดีใจมากที่เห็นทุกคนอยู่ที่นี่” และการเรียกพลังชาวเอ๊กซ์ตามสไตล์ของเอ็กซ์ เจแปน ด้วยการตะโกนอย่างสุดเสียงถามผู้ชมว่า We are …?” (พวกเราคือ …?) ที่ทำให้ผู้ชมในฮอลล์ทุกคนต้องลุกขึ้นยืนพร้อมทำเครื่องหมายกากบาทรูป X ด้วยแท่งไฟ หรือแขนทั้ง 2 ข้าง และตอบรับกลับไปอย่างสุดเสียงเช่นกันว่า เอ็กซ์ ซึ่งหมายถึง ขณะนี้ศิลปินและผู้ชมทุกคนได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวด้วยการตอกย้ำทั้งร่างกายและจิตใจว่า “We are X!!!” (พวกเราคือเอ็กซ์!!) และทั้งหมดก็นำผู้ชมทุกคนเข้าสู่ 2 เพลงสุดมันส์ส่งท้ายช่วงที่ 2 อย่าง ไอ.วี (I.V) และ เอ็กซ์ (X) ที่ทั้งศิลปินและผู้ชมทุกคนใส่อารมณ์กันอย่างเต็มที่ ทั้งการส่งเสียงร้อง การสาดน้ำ การลงมาทักทายแบบใกล้ชิด ก่อนจะอำลาเวทีไป เพื่อเข้าสู่ช่วงอังกอร์ โดยในระหว่างนี้ ผู้ชมทุกคนก็ไม่ได้ลุกจากที่นั่งไปไหน ต่างเล่นเวฟ ร้องเพลง Endless Rain และ เพลงลอยกระทง  ร่วมกัน เพื่อกระตุ้นอารมณ์ของตนเอง ก่อนที่จะได้พบกับทั้ง 5 ตำนานอีกครั้ง

และกว่า 20 นาทีผ่านไป โยชิกิ (Yoshiki) ก็ปรากฏตัวขึ้นบนเวทีอีกครั้งตามเสียงเรียกร้อง พร้อมกับชุดไทยสมัยโบราณด้วยผ้านุ่งสีชมพู และห่มสไบสีทอง ที่ถึงแม้จะใส่ชุดคลุมสีขาวทับเอาไว้ในช่วงแรก แต่ก็โดนโทชิ (Toshi) แกล้งเอาผ้าคลุมออก เผยให้เห็นร่างของโยชิกิ (Yoshiki) ในชุดไทยประจำชาติ ที่เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นฮอลล์ โดยโยชิกิ (Yoshiki) กล่าวว่า “ตอนที่เลือกชุดทีมงานบอกว่าชุดนี้เป็นของผู้หญิง และเขาก็เลือกชุดนี้” ยิ่งทำให้เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกเป็นเท่าตัว ก่อนที่จะเริ่มเล่าถึงที่มาของวงเอ็กซ์ เจแปนว่า “เขาได้เริ่มรู้จักกับเหล่าสมาชิกตั้งแต่สมัยอยู่โรงเรียนประถม และได้ตั้งวงขึ้น จนมาถึงการสูญเสียหนึ่งในสมาชิกที่มีค่า คือ ฮิเดะ (Hide) ไปอย่างไม่มีวันกลับ และเมื่อไม่นานมานี้ก็ต้องสูญเสียไทจิ (Taiji) ไปด้วย เขาคิดอยู่เสมอว่าเอ็กซ์ เจแปนจะไม่สามารถมีอยู่ได้อีกแล้ว หลังจากสูญเสียฮิเดะ (Hide) ไป แต่เพราะเสียงเรียกร้องจากแฟนเพลงทุกคน ทำให้พวกเขาสามารถกลับมายืน ณ จุดๆ นี้ได้อีกครั้ง และขณะนี้ประเทศไทยก็กำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤติน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ ดังนั้น ขอเชิญสมาชิกทุกคนออกมาด้านหน้าเวที และขอให้ทุกคนยืนไว้อาลัยให้กับผู้ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ร่วมกัน” ซึ่งทุกคนในฮอลล์ก็พร้อมใจกันลุกขึ้นยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตร่วมกับเอ็กซ์ เจแปน เป็นเวลา 1 นาที เชื่อว่าบรรยากาศในตอนนั้นต้องเป็นช่วงที่ประทับใจทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นอย่างที่สุดเป็นแน่ !!

 

หลังจากการสงบนิ่ง โยชิกิ (Yoshiki) ก็กลับไปนั่งที่เปียโนคู่กาย ก่อนจะเริ่มขึ้นทำนองเพลง ฟอร์เอฟเวอร์ เลิฟ (Forever Love) เป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนต้องหวญนึกถึงฮิเดะ (Hide) หนึ่งในสมาชิกที่ต้องจากไปก่อน และต่อด้วยเพลงอมตะของเอ็กซ์ เจแปนที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ เอ็นเลส เรน (Endless Rain) ที่ก่อนหน้านี้ แฟนๆ ในฮอลล์ได้ซ้อมร้องกันไปแล้วในช่วงก่อนเข้าอังกอร์ และตอนนี้ทุกคนราวกับต้องมนต์สะกดด้วยเสียงดนตรีระดับเทพ และพลังเสียงของโทชิ (Toshi) ที่ทำให้เพลงนี้น่าจะเป็นอีกเพลงหนึ่งที่ทำให้ทุกคนต้องจดจำไปอีกนานแสนนาน หลังจากนั้น ก็เข้าสู่เพลง อาท ออฟ ไลฟ์ (Art of Life) ที่ส่งท้ายให้กับผู้ชมได้จดจำคำว่า “ร็อคระดับตำนาน” แบบเอ็กซ์ เจแปน โดยสมาชิกทุกคนใส่กันไม่ยั้งกับเพลงสุดท้ายนี้ ซึ่งเรียกได้ว่าสุดท้ายแล้วจริงๆ เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายของเวิลด์ทัวร์ในครั้งนี้ของเอ็กซ์ เจแปนด้วย ก่อนที่สมาชิกทุกคน จะเดินทักทายกับผู้ชมทุกคนทั้งซ้าย-ขวา อย่างทั่วถึง ท่ามกลางเพลง เทียร์ส (Tears) แบบบรรเลง ก่อนส่งมอบเซอร์ไพรส์สุดท้ายให้กับผู้ชม ด้วยการที่โยชิกิ (Yoshiki) ทิ้งตัวลงไปเซิร์ฟกับแฟนๆ ที่อยู่ด้านหน้า ก่อนที่จะส่งกลับเข้ามาในเวที และกลับขึ้นไปกล่าวขอบคุณแฟนๆ และจับมือกันระหว่างสมาชิกทุกคนเป็นคำอำลาสุดท้าย และเดินกลับเข้าไปด้านหลังเวที ซึ่งโยชิกิ (Yoshiki) ได้โค้งคำนับให้กับผู้ชมทุกๆคนเป็นเวลานานมาก เพื่อเป็นการขอบคุณทุกกำลังใจจากผู้ชมที่อยู่ ณ ที่นี้ ก่อนที่แสงไฟบนเวทีจะปิดลงพร้อมกับการปิดฉาก “X Japan 2011 World Tour” ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

โดยก่อนหน้าที่จะมีคอนเสิร์ต 1 วัน (7 พฤศจิกายน 2554) โยชิกิ (Yoshiki) มือกลองและหัวหน้าวง ร่วมกับทางผู้จัดบีอีซี-เทโร ในนามบีอีซี-เทโร แคร์ เดินทางไปยัง อาคารมาลีนนท์ เพื่อมอบเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมด้วยตนเอง ผ่านทางบัญชีครอบครัวข่าว 3 เป็นจำนวนเงิน 500,000 บาท นอกจากนี้ยังมอบหนังกลองพร้อมลายเซ็น และไม้กลองเพื่อนำไปประมูล และนำรายได้จากการประมูลทั้งหมดบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอีกทางหนึ่งด้วย โดยแฟนเพลงที่สนใจประมูลสามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ www.bectero.com

 

 

และนี่คืออีกหนึ่งโปรดักชั่นของ บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์

Credit : JPop Thailand, BEC-TERO ENTERTAINMENT