หลังจากที่ได้ทำการรีวิวความโด่งดังของวง SEKAI NO OWARI วงดนตรีมากความสามารถชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่นไปเมื่อครั้งที่แล้ว [REVIEW] จากจุดจบของโลกสู่จุดสูงสุดของ SEKAI NO OWARI แบนด์ดนตรีชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น (1) วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักตัวตนของพวกเขาผ่านบทเพลงคุณภาพที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกภายในจิตใจของพวกเขา

โดยปกติแล้ว เพลงญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะมีเนื้อหาในเชิงเปรียบเทียบมากกว่าอธิบายออกมาให้เห็นภาพชัดเจน ความรัก ความหวัง ความฝัน ธรรมชาติ จะถูกใช้เป็นคำเปรียบในเนื้อหาของบทเพลง เมื่อบวกกับท่วงทำนองและเสียงร้องก็จะทำให้เพลงดูมีพลังและไพเราะมากยิ่งขึ้น ช่วงเริ่มก่อตั้งวง SEKAI NO OWARI ได้แต่งเพลงให้กำลังใจมากมาย พวกเขาทำเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการให้กำลังใจ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ดนตรีและเสียงเพลงจะทำให้ทุกคนไม่หมดหวัง ซึ่งฟุคาเสะนักร้องนำได้ผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วในวัยมัธยม ทำให้สิ่งนี้กลายเป็นจุดขายของวงและทำให้แฟนๆชื่นชอบในผลงานของพวกเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งหลายเพลงที่ SEKAI NO OWARI แต่งขึ้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก รวมไปถึงถูกใช้ให้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ของญี่ปุ่น

ภาพยนตร์ที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่างเรื่อง “ATTACK ON TITAN” หรือ ที่คนไทยรู้จักกันในชื่อ “ผ่าพิภพไททัน” ก็ได้ใช้เพลงของ SEKAI NO OWARI เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เช่นเดียวกัน โดยในภาพยนตร์ภาคแรก เพลง ANTI-HERO ได้ถูกใช้ให้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ มีการวางขายซิงเกิ้ลในวันที่ 29 กรกฏาคม 2015 และนี่ก็เป็นซิงเกิ้ลแรกของปี 2015 ของพวกเขา เนื้อร้องของเพลง ANTI-HERO เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด สร้างความอินเตอร์ให้กับเพลงเนื่องจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว จะทำการเข้าฉายทั่วโลก เนื้อเพลงถูกแต่งโดยฟุคาเสะ และ Nelson Babin-Coy ในขณะที่นากาจินดูแลในเรื่องการแต่งเพลงทั้งหมด

maxresdefault

นอกจากเพลง ANTI-HERO แล้ว ในภาคที่ 2 ของ “Attack on Titan: End of the World” ก็ยังคงใช้เพลงของ SEKAI NO OWARI อย่างเพลง SOS อีกด้วย ซึ่งเพลงดังกล่าวเป็นที่กล่าวถึงในวงกว้าง ด้วยเสียงร้อง ทำนอง และแนวดนตรีที่แปลกใหม่ ทำให้ยอดขายของซิงเกิ้ล SOS มีจำนวนมากกว่า 100,000 แผ่น และนี่นับว่าเป็นซิงเกิ้ลที่ 3 ของพวกเขา ที่ทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 1 ของยอด Oricon chart ประจำสัปดาห์

sekai-no-owari_1440480918_af_org

หลายคนที่ได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ คงจะคุ้นหูกับเพลงดังกล่าว ซึ่งเจป๊อปไทยแลนด์ได้ทำการแปลเนื้อเพลงเพื่อให้แฟนๆได้เข้าใจความหมายของเพลง และความไพเราะของเนื้อหาเพิ่มมากขึ้น

For you, I’ll sing this song
Please stay, it won’t last long
Years after we are long gone
The meaning will stay strong

* ฉันจะร้องเพลงนี้เพื่อเธอ
ได้โปรดอยู่ตรงนี้ ฉันจะใช้เวลาไม่นาน
หลายปีที่เราห่างหายกันไป
ความหมายของมันจะทำให้เราอยู่ต่อไปอย่างเข้มแข็ง

Silence is what this song’s about
Numb to the world all around
But I will sing of this place
Hoping it finds you some way

* เพลงนี้พูดถึงความเงียบงัน
ความมึนงงรอบๆโลกใบนี้
แต่ฉันจะร้องเพลงจากตรงนี้
หวังว่ามันจะช่วยให้เธอพบกันหนทาง

People needing to be saved
Scream out our help every day
But we grown numb to the sounds
And feelings slowly start to drown

* ผู้คนต้องการความปลอดภัย
ร้องเรียงให้ช่วยเหลือในทุกๆวัน
แต่พวกเราเติบโตขึ้นจากความชินชาของเสียงเหล่านั้น
และความรู้สึกที่ค่อยๆจมลงไป

The first time, we can hear a voice
But soon it all becomes noise
Fading to silence in the end
I know it doesn’t make sense…

* แรกเริ่มที่เราได้ยินเสียง
แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นเสียงรบกวน
แล้วมันจะจางหายไป
ฉันรู้สึกว่ามันไม่สมเหตุผลเลย
When sound all ceases to exist
People think that means happiness
And all the sounds that used to be…
Are all just noise to you and me
The cries of help disappear
The silence numbs all of our ears

* เมื่อทุกเสียงจางหายไป
ทุกคนคิดว่านี่คือความสุข
และทุกๆเสียงที่เกิดขึ้นนี้
ทั้งหมดคือเสียงรบกวนของเธอและฉัน
เสียงร้องของความช่วยเหลือได้จางหายไป
ความเงียบนี้ทำให้หูของเราไร้ความรู้สึก

And when we stop listening
Those screams stop meaning anything

* และเมื่อเราหยุดฟัง
เสียงเหล่านั้นจะไม่มีความหมายใดๆเลย

Don’t you let your heart grow numb to everyone
Oh child, listen to the “sound of silence”
Saving someone else means saving yourself
It’s true, and I’m sure you know it too

* อย่าปล่อยให้หัวใจของเธอเติบโตด้วยความชินขาเหมือนกับทุกๆคน
เด็กน้อย ฟังสิ นั่นคือเสียงในความเงียบงัน
การช่วยเหลือคนอื่น มันเหมือนกับการช่วยเหลือตัวเธอเองด้วย
มันถูกต้อง และฉันเชื่อว่าเธอจะเข้าใจมันเช่นกัน

When you hear an “SOS” Answering it becomes a test
It can give the life you lead A meaning that you’d never seen
So don’t resist a call for help
Cause in the end it will tell you How to treasure yourself
And not be alone

* เมื่อเธอได้ยินเสียงสัญญาณขอความช่วยเหลือ การตอบรับคือบททดสอบ
มันคือสิ่งที่จะนำทางให้กับเธอ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน
ดังนั้นอย่าเพิกเฉยต่อเสียงร้องของความช่วยเหลือเลย
เพราะในตอนท้ายนั้น มันจะทำให้เธอเห็นคุณค่าในตัวเอง และบอกกับเธอว่า
เธอไม่ได้อยู่เพียงลำพัง

It might seem a little strange To share this song this way
But I know what I must do Is share the meaning with you
All this I learned from someone Who spent his life among
People screaming out for help
Doing everything to reach out

* มันอาจจะแปลกเล็กน้อยที่จะแบ่งปันเพลงนี้ในหนทางนี้
แต่ฉันรู้ว่า อะไรที่ฉันต้องทำ แบ่งปัน กับเธอ
ซึ่งทั้งหมดนี้ฉันเรียนรู้ได้จากคนคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตท่ามกลาง
ผู้คนมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ
และทำทุกอย่างที่จะเอื้อมไปถึงผู้คนเหล่านั้น

Now I’d like to thank you for staying by my side…

* ในตอนนี้ ฉันอยากจะขอบคุณที่เธออยู่เคียงข้างฉันเสมอมา

จะเห็นได้ว่าทั้ง 2 เพลง เป็นแนวเพลงที่ไม่ได้กล่าวถึงความรักเช่นเดียวกันกับเพลงในสมัยนิยมปัจจุบัน ซึ่งเพลงของ SEKAI NO OWARI ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเพลง RPG, Dragon Night , Snow Magic Fantasy  มักจะเป็นเพลงที่แต่งเพื่อให้กำลังใจ ฟังแล้วเกิดคำถาม นับว่าเป็นจุดแปลกและมีแนวทางที่โดดเด่นเป็นของตนเอง และถ้าหากได้ชมไลฟ์สดที่ยอดเยี่ยม ยิ่งการันตีได้ว่า SEKAI NO OWARI จะเข้าทำการยึดครองหัวใจของทุกคนอย่างแน่นอน