Inoo Kei

อากาศสดชื่น! ชีวิตมหาลัย คือ ตั๋วเที่ยวเดียว 1 ชั่วโมงครึ่ง “ที่ตรงนี้มันเงียบดีใช่มั้ยล่ะ” รถบัสที่ขึ้นเนินเขาเล็กๆ เพื่อไปมหาลัยเมย์จิ ใช่ ตรงนี้แหละ คือที่ที่ทุกวันอิโนโอะจะใช้เพื่อไปมหาลัย! ชีวิตประจำวันของเด็กมหาลัยอย่างอิโนโอะ เคย์ จะแนะนำให้รู้จักแล้วนะ…

อุด้งกับงานที่เสร็จสมบูรณ์มันสุดยอดไปเลย!

วิชาเอกที่ผมเรียนอยู่คือ คณะวิทยาศาสตร์ สาขาสถาปัตกรรม เหตุผลที่เลือก คือ ตอนเด็กชอบประดิษฐ์ของต่างๆ สถาปัตย์จะเรียนเกี่ยวกับการออกแบบ คิดเกี่ยวกับแสงและเสียง แล้วก็เพื่อไม่ให้ตึกล้มก็ต้องมีการออกแบบโครงสร้าง ซึ่งมันก็จะค่อนข้างยุ่งยาก การวาดแบบของผมก็ไม่ค่อยจะเก่ง แต่ว่าตอนผมทำโมเดลจะถูกชมว่ามันสวย ก่อนหน้านี้ ตอนทำแบบจำลองสะพาน ก็ได้รับคำชมว่า “ดีไซน์น่าสนใจดีนะ” แต่ว่าความเข้มแข็งในการเลือกวัสดุที่ดีๆ แต่อ่อนๆ นี่มันยาก ถ้าลองติตรองดูดีๆ มันก็จะผ่านพ้นการผิดพลาดไป แต่ว่าทั้งๆ ที่มันค่อนข้างสมบูรณ์แบบแล้วนะแต่….~

เรื่องที่แย่ที่สุดก็คือ มีทั้งสอบและทำรายงาน แน่นอนว่ารวมถึงหัวข้อโปรเจคด้วย ถึงแม้จะอยู่จนโต้รุ่งแต่มันก็ไม่เสร็จ การที่ไม่ได้อาบน้ำเนี้ย มันก็เกิดขึ้นบ่อยๆ ตอนที่วางแผนออกแบบบ้านโดยรวมอยู่ ก็คิดขึ้นมาว่า “ห้องส้วมกับห้องน้ำ จะมีสักกี่อันถึงจะดีนะ!” แล้วผมก็จะทำห้องส้วมกับห้องน้ำขึ้นมา แล้วจากนั้นอาจารย์ก็บอกว่า “ห้องน้ำน่ะ ทำเป็นส่วนๆ แบบนี้จะดีเหรอ” อย่างที่คิดไว้เลย…ผมถูกอาจารย์ติซะแล้วล่ะ!

ขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยนะ จะจินตนาการอะไรมากมายกับเด็กมหาลัยล่ะ อย่างเช่น จริงๆ แล้วก็มีหัวข้องาน แล้วก็คณะวิทย์ที่มีแต่ผู้ชายที่เรียน แล้วก็ตั๋วเที่ยวเดียวที่ใช้เวลา 1 ชม.ครึ่งในการขึ้นเขา (หัวเราะ) แต่โรงเรียนม.ต้น โรงเรียนม.ปลาย แล้วก็มหาลัย มันต่างกันนะ เพราะว่าตอนเรียนมหาลัยมันจะได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองสนใจจริงๆ ดังนั้นมันก็จะสนุกมากเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นตอนที่สุมหัวคิดงานกับเพื่อนทุกคน ตอนที่ทำงานจนโต้รุ่งแล้วก็มากินอุด้งหน้าสถานี มันเป็นรอยยิ้มราคาถูกแต่ก็มีความจริงใจมากเลยล่ะ

อันนี้เป็นโมเดลจำลองบนพื้นที่มีอยู่จริง มันเป็นการออกแบบห้องสมุดครับ ตอนไปดูงานที่สถานที่จริง ตอนนั้นก็คิดถึงว่าคนจะต้องเข้าห้องสมุดเยอะ แล้วก็ดีไซน์ออกมา

“ชีวิตมหาลัยเกิดขึ้นครั้งแรกตรงนี้ นี่ถ้าเจอเพื่อนจะทำไงดีเนี้ย(ฮ่าๆ)” เหมือนมีแสงสว่างออกมาพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม จะดูมีความสุขเกินไปมั้ย?

“ตอนที่ขึ้นเป็นเด็กปี3 จนถึงตอนนี้ สภาพแวดล้อมหลักๆ ก็คือการเรียน ปัญหาการวางแผนเสาะแสวงหาแสงสว่างแล้วก็แสงสว่างน่ะ มันค่อนข้างยาก!” พูดที่ห้องเลกเชอร์ ด้วยใบหน้าด้านข้าง

“โรงอาหารของมหาลัย เพราะว่าไม่ใช่เป็นแค่แหล่งเพิ่มพลังงานแหล่งที่สอง ทุกพักเที่ยงมันก็เลยเป็นตัวเลือกสุดยอดที่จะไปพักผ่อน ที่นี่น่ะ ถึงจะเรียกว่า “เมนโชะ” แต่พวกเรามักจะเรียกว่า “เมนโจะ”

“จากสถานีถึงมหาลัย ก็ดูเหมือนต้องขึ้นเนินเขาทุกวัน ตอนขากลับ ผมก็จะมานั่งเก้าอี้ริมทางตัวนี้ เพื่อรอรถบัสล่ะ”

ที่พื้นที่ทุ่งหญ้าแบบนี้ เป็นสถานที่ที่จะเจอเพื่อนๆนั่งอยู่ ผมนั่งตรงนี้ แล้วก็นั่งกินเบนโตะชาบูเนื้อหมูกัน มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยล่ะ”

การสอนของอิโนะจัง >> คำศัพท์เฉพาะของเด็กมหาลัย!!
การลงทะเบียนเรียน
ที่มหาลัยจำเป็นต้องมีการเรียนวิชาอื่นๆ ดังนั้นมันก็ต้องมีการเลือกวิชาเรียนเกิดขึ้น เราก็ต้องจัดเวลาเรียนด้วยตัวเอง ถ้าคะแนนตก ปีหน้าก็ต้องลงเรียนวิชานั้นใหม่ ประมาณว่าเป็น“วิชาใหม่”ไปเลย ถ้าปีถัดมาก็ยังเรียนตกอีก ก็ต้องเรียนลงปีถัดไปอีกเรื่อยๆ น่ากลัวมากเลย!

บทเรียนภาษาที่2
วิชาเลือกของภาษาอังกฤษก็มีให้เรียนเพิ่มเข้าไปอีก แล้วก็มีชั่วโมงเรียนภาษาอื่นที่ต้องเรียนอีก ไหนๆก็พูดละ ผมน่ะเลือกเรียนภาษาจีนด้วยล่ะ อาจารย์ชอบพูดตลอดเวลาว่า เชียเชีย!

สุจิโบะ
เนี้ย เป็นศัพท์เฉพาะที่เด็กคณะวิทย์เค้าพูดกัน ตอนที่ทำแบบจำลองก็จะเรียกกันประมาณว่า สุจิเรนโบโดะ แล้วก็เวลาที่ตัดกระดาษออกมาแล้วมันไม่ครบจำนวน ก็จะได้รับการช่วยเหลือจากคนในครอบครัวล่ะ
(สุจิโบะ ถ้าเปรียบกับศัพท์ของเด็กสถาปัตย์เมืองไทย น่าจะคือคำว่า วิกฤต หมายถึงว่างานที่จะต้องส่งพรุ่งนี้แล้ว แต่มันยังไม่เสร็จ มันจะวิกฤตมากๆ)

อิสุคิสุ
ตอนที่อาจารย์ให้ความเห็นเวลาดูงานที่เสร็จแล้ว ดูเหมือนว่าจะให้ความหมายกับแบบร่างตั้งแต่แรกเลยล่ะ ผมน่ะสามารถพูดแถได้ (หัวเราะ) ผ่านการลองผิดลองถูกจากการดีไซน์หลายครั้งมันก็สามารถเชื่อมโยงกันได้
(อิสุคิสุ ถ้าเปรียบกับศัพท์ของเด็กสถาปัตย์เมืองไทย  มันหมายถึงว่า การตัดสินพิพากษา เหมือนกับขึ้นเขียงเตรียมโดนเชือด)

 

ปีหน้าน้องเคย์ก็จะเรียนปีสุดท้าย (ปี 4)  แล้ว เอาใจช่วยน้องเคย์กันด้วยนะคะ ^^

 

credit: jefamily-thailand